ผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชอื่น แบบครบวงจร มีมาตรฐานด้านคุณภาพ และบริการเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และก้าวสู่ระดับสากล
กลุ่มครอบครัวประสิทธิ์ศุภผล ก่อตั้ง บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด ("PC") เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางบก
ก่อตั้ง บริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ("PKM") (เดิมชื่อ บจก.กิจศรีวิชัย 1990) ประกอบธุรกิจให้บริการคลังน้ำมันปาล์มและคลังสินค้าทั่วไป ลานเทกองสินค้า และการให้บริการท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้า การเตรียมความพร้อมสินค้าก่อนส่ง
ก่อตั้ง บริษัท พี.ซี.มารีน (1992) จำกัด ("PCM") เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางน้ำ
ก่อตั้ง บริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด ("PACO") เพื่อดำเนินการธุรกิจซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
ฝ่ายบริหารเล็งเห็นถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จึงเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท กรีน กลอรี่ จำกัด ("GRL") จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้น กรรมการ และผู้บริหารของบริษัท เพื่อประกอบธุรกิจโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันเมล็ดในปาล์ม
ก่อตั้ง บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด ("NBD") เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง
ก่อตั้ง บริษัท เอ็นบีดีอะโกร จำกัด ("NBD Agro") เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชบรรจุขวดภายใต้ตราสินค้า "รินทิพย์"
ก่อตั้ง บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (PCE) (เดิมชื่อ บจก. เพชรศรีวิชัย โฮลดิ้ง) เพื่อประกอบธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่เป็นของกลุ่มครอบครัวประสิทธิ์ศุภผล
ก่อตั้ง บริษัท ศรีวิชัย นาวี จำกัด ("SVC") เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าและน้ำมันทางเรือในประเทศ
จัดโครงสร้างกลุ่มบริษัทโดย
2.1 ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม NBD และ GRL ซึ่งภายหลังการควบรวมดำเนินธุรกิจในนามบริษัท NBD
2.2 ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางน้ำ SVC และ PCM ซึ่งภายหลังการควบรวมดำเนินธุรกิจในนาม PCM
- PCE เพิ่มทุนจดทะเบียน โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแลกกับหุ้นสามัญของ 1.PACO , 2.NBD , 3. PCM , 4.PKM , 5.PC จากกลุ่มครอบครัวประสิทธิ์ศุภผลเข้ามาเป็นบริษัทย่อยของ PCE ในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน (ยกเว้น NBD ซึ่ง PCE ถือหุ้น 86.21%) เพื่อจัดโครงสร้างกลุ่มเตรียมพร้อมการ IPO
- ก่อตั้ง บริษัท พีซีอีพี โฮลดิ้ง จำกัด ("PCEP") เพื่อประกอบธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่นของครอบครัว และเข้าถือหุ้นใน PCE แทนผู้ถือหุ้นบุคคลเดิมทั้งจำนวน
เดือนพฤษภาคม 2566 EGM# 1/2566 ของ PCE มีมติอนุมัติ
(1) แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
(2) เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จาก 100 บาท เป็น 1 บาท
(3) เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 2,750 ล้านบาท เพื่อนำหุ้นสามุญเพิ่มทุน 750 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาทต่อหุ้น) เสนอขาย IPO